หน้าเว็บ

วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555

แนะนำหนังสัตว์ประหลาด Vol.1 : LAKE PLACID "โคตรเคี่ยมบึงนรก"


ตามทั่วไปแล้ว ภาพยนตร์ระทึกขวัญแนวสัตว์กินคน ส่วนใหญ่แล้วเหล่านักวิจารณ์มักจะเรียกภาพยนตร์ประเภทนี้ว่า “หนังเกรดบี” ครับ เพราะเนื้อหาก็จะมีคอนเซ็ปต์ประเภทแค่ว่า  คนหาย     เหลือแค่ซาก  พระเอกออกค้นหา เจอตัวต้นเหตุ  หนี  หาวิธีกำจัด  ฆ่ามัน  หนังจบ แต่ดันมีอีกตัวโผล่มาเพื่อทิ้งท้ายว่า มีต่อภาค 2 นะจ๊ะ 

เพียงแค่เราทำแค่นี้ เราก็จะได้หนังสัตว์ยักษ์ทำร้ายคนมาแล้ว 1 เรื่อง ซึ่งตลอดหลายๆปีที่ผ่านมา ในช่วงเวลา 40 หรือ 50 ปีมานี้ ภาพยนตร์เกรดบีพวกนี้ ก็ยึดมั่นในการลำดับเหตุการณ์แบบนี้มาตลอด และสิ่งสำคัญที่จะขาดไม่ได้เลยก็คือ หุ่นสัตว์ประหลาดที่ใช้ในการถ่ายทำ ซึ่งเป็นความจำเป็นอย่างยิ่งที่ยุคสมัยที่ CG ยังไม่แพร่หลาย
หากพูดถึงในยุคปัจจุบัน ภาพยนตร์แนวสัตว์กินคน มีมากมายให้เราเลือกสรรมาดู มีทั้งที่เนื้อเรื่องดี แต่ CG แย่ หรือเรื่องที่ CG พอไปวัดไปวาได้ แต่เนื้อเรื่องกลับทำออกมาไม่เป็นสับปะรด
แต่ผมอยากแนะนำว่า หากใครชอบภาพยนตร์แนวสัตว์กินคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสัตว์เลื้อยคลานอย่าง “จระเข้” แล้วล่ะก็ สามารถหาได้ไม่ยาก เพราะจระเข้นั้นถูกจับมาเป็นตัวร้ายในภาพยนตร์แนวระทึกขวัญหลายต่อหลายเรื่อง ที่ Make ให้จระเข้นั้น กลายสภาพเป็นจระเข้ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ และจงใจล่าแต่คนเป็นอาหารจานหลักเพียงอย่างเดียว หรือบางเรื่อง อาจจะตัดต่อพันธุกรรมให้จระเข้นั้น รวมร่างกับสัตว์ประเภทอื่นให้มีความเร็ว หรือฉลาดขึ้น
ผมอยากแนะนำภาพยนตร์แนวจระเข้ยักษ์เรื่องหนึ่ง ที่โดดเด่นทั้งเนื้อเรื่อง คอมพิวเตอร์กราฟิคที่สมจริง และหุ่นประกอบฉากที่ทำได้เนียนจนเหมือนกับว่ามีชีวิตจริง อีกทั้ง ฉากในเรื่องยังดูลึกลับและน่ากลัวสมแล้วที่มาจากค่าย 20Th Century Fox ค่ายหนังยักษ์ใหญ่ของ Hollywood ตำนานของภาพยนตร์จระเข้ยักษ์ที่โด่งดังในช่วงปลายยุค 90 ... Lake Placid  … โคตรเคี่ยมบึงนรก


Posted Image 
สำหรับผมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ระทึกขวัญเกี่ยวกับจระเข้ยักษ์เรื่องแรกที่ผมได้มีโอกาสดู อีกทั้งที่จำได้ไม่มีวันลืมก็คือ มันเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่ทำให้ผมได้รู้จักคำว่า “ดูหนังในโรงหนัง” จริงๆ 
ใครที่คิดว่าภาพยนตร์เกี่ยวกับจระเข้ยักษ์ เป็นเพียงแค่ภาพยนตร์เกรดบีกระจอกๆแล้วล่ะก็ ผมอยากให้คุณลองไปหาที่ร้าน DVD แล้วลองมองหาสันกล่อง DVD ที่เขียนชื่อเรื่องว่า LAKE PLACID แล้วลองนำมาดูซักครั้งครับ แล้วคุณจะเข้าใจดีว่าทำไมภาพยนตร์เรื่องนี้ ถึงถูกยกย่องว่าเป็นหนังเกี่ยวกับจระเข้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาล

การด้านบทภาพยนตร์ ได้นักเขียนบทมือทองที่เคยฝากฝังผลงานในเรื่อง “L.A. Law” อย่าง เดวิด “เอ็ดเวอร์ด เคลลี่ย์” มารับหน้าที่เขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้ ควบคู่กับทำหน้าที่เป็นโปรดิวเซอร์ไปด้วยในตัว บวกกับฝีมือการกำกับของ “สตีฟ ไมเนอร์” อีก 1 ผู้กำกับชื่อดังที่เคยผ่านงานการสร้างภาพยนตร์สยองขวัญชื่อดังในยุค 80 อย่าง “Friday the 13th” มาก่อน อีกทั้ง การออกทุนทุกอย่างนั้น ทาง 20th Century Fox เป็นผู้จัดการทั้งหมด เรียกว่าเป็นการสร้างภาพยนตร์จระเข้ยักษ์ที่เป็นภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ ไม่ใช่ภาพยนตร์เกรดบีธรรมดาๆแล้ว

เนื้อเรื่องได้กล่าวถึง การไล่ล่าจระเข้กินคนขนาดความยาว 30 ฟุต ที่อาละวาดอยู่ในทะเลสาบ “แบล็คเลค” ในเขตรัฐเมน ประเทศสหรัฐอเมริกา


Posted Image 



STAFF 

Director : สตีฟ ไมเนอร์
Producer : เดวิด เอ็ดเวิร์ด เคลลีย์ , ไมเคิล เพรสแมน , ปีเตอร์ โบการ์ท
Writter : เดวิด เอ็ดเวิร์ด เคลลีย์
Music : จอห์น อ๊อตแมน
Cinematography : ดารีน โอคาด้า
Editor : พอล ฮริสต์ , มาร์แชล ฮาร์วี่ย์
Studio : ฟินิกซ์ สตูดิโอ , สแตน วินส์ตัน สตูดิโอ
Running Time : 82 นาที
ทุนในการสร้าง : 27 ล้านดอลลาร์
ทำเงินสูงสุดใน Box Office : 56,870,414 ดอลลาร์
Making of Lake Placid 
งานด้าน Visual Effect ทั้งงานคอมพิวเตอร์กราฟิค และหุ่นจระเข้ยักษ์แสนวิเศษที่ขยับชิ้นส่วนได้อย่างแนบเนียน เหมือนจริง ก็ได้สตูดิโอชื่อดัง “สแตน วินส์ตัน สตูดิโอ” (สตูดิโอผลิตฉากหรือเทคนิคพิเศษ เป็นผลงานของ สแตน วินส์ตัน อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านเทคนิคพิเศษของภาพยนตร์ผู้ล่วงลับเมื่อปี 2008) เป็นคนจัดการเนรมิตหุ่นจระเข้ยักษ์ขนาดความยาว 30 ฟุต (ประมาณ 8-9 เมตร) บังคับด้วยวิทยุคอนโทรลเลอร์ 

Posted Image 

เนื่องจากในเนื้อเรื่องนั้น กล่าวถึงทะเลสาบที่เงียบสงบในรัฐเมน แต่ในเวลานั้น รัฐเมนก็เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว อาจจะเป็นได้อย่างยากลำบากในการถ่ายทำ ทางทีมงานจำเป็นต้องหาสถานที่สำหรับใช้เป็นโลเกชั่นหลักที่เป็นทะเลสาบที่เงียบสงบ และล้อมรอบด้วยป่าดิบ ทีมงานจึงได้เลือกเอาเขตรัฐบริติชโคลัมเบีย ประเทศแคนาดาเป็นสถานที่หลักในการถ่ายทำ ซึ่งยังมีทะเลสาบที่เงียบสงบอย่างทะเลสาบ บันท์เซน ใช้เป็นสถานที่หลักในภารถ่ายทำ บรรยากาศที่เป็นป่าเบญจพรรณ ทะเลสาบที่น้ำนิ่งราวกับว่ามีอะไรบางอย่างซ่อนตัวอยู่ในน้ำ และกำลังจ้องมองคุณอยู่ อีกทั้งยังมีภูมิประเทศที่ใกล้เคียงกับทะเลสาบธรรมชาติในรัฐเมนของจริงเช่นกัน (ทะเลสาบในรัฐเมน มีอาณาเขตเชื่อมต่อกับมหาสมุทร)

Posted Image 
สำหรับภาพยนตร์เรื่องนี้ เคยฉายในโรงภาพยนตร์ในประเทศไทยเมื่อปี พ.ศ.2542 อีกด้วย 

STORY
นายอำเภอ “แฮงค์ เคียช” กับ “ไมเคิล เคน” ได้รับคำสั่งให้ไปตรวจสอบสภาพน้ำและประชากรของตัวบีเวอร์ในทะเลสาบแบล็คเลค เคนเป็นคนดำน้ำลงไปสำรวจในทะเลสาบและให้แฮงค์อยู่บนเอ แต่เคนกลับถูกอะไรบางอย่างที่อยู่ในน้ำฆ่าตาย โดยที่แฮงค์ช่วยดึงเขากลับขึ้นมาบนเรือได้เพียงแค่ลำตัวที่เหลือเพียงท่อนบนของเคนเท่านั้น

Posted Image
ศพของเคนถูกส่งไปชันสูตรจนกระทั่งพบเศษฟันของสัตว์ประเภทหนึ่ง ฝังอยู่ในร่างไร้วิญญาณที่เหลือครึ่งตัวของเคน ลักษณะฟันนั้นคล้ายคลึงกับสัตว์ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ จึงจำเป็นที่จะต้องขอความช่วยเหลือไปยัง พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ เพื่อขอตัวผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานยุคก่อนประวัติศาสตร์อย่าง “เคลลี่ย์ สก็อต” ให้มาช่วยตรวจสอบ 

เคลลีย์รับงานอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก เพราะเธอกำลังอยู่ในช่วงที่อกหักอยู่พอดี หลังจากที่เธอได้ตรวจเศษฟันและได้เห็นศพของเคน เธอก็ค่อนข้างเชื่อว่าสิ่งที่ทำร้ายเคน น่าจะเป็นสัตว์ขนาดใหญ่ประเภทหนึ่งที่อยู่ในน้ำ แต่ถึงอย่างไร เธอก็ต้องร่วมเดินทางไปกับทีมนายอำเภอและตำรวจเพื่อเดินทางไปยังทะเลสาบแบล็คเลค นำทีมโดย “แจ็ค เวลล์” และแฮงค์

Posted Image

ระหว่างเดินทางด้วยเรือไปในทะเลสาบ แฮงค์เจอส่วนหัวของกวางที่ถูกตัดขาด ลอยอยู่กลางน้ำ พวกเขาได้มาถึงบ้านริมน้ำที่มีฟาร์มปศุสัตว์ของ “เดโลเลส บิคเกอร์แมน” หญิงชราผู้ที่มีท่าทีพิรุธ เธอบอกว่าสามีของเธอตายไปแล้ว เธอจึงเป็นหม้าย และใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานแล้ว พอแฮงค์ถามว่าทำไมสามีเธอถึงตาย เดโลเรสรีบอกทันทีว่า เธอฆ่าสามีเธอเอง เพราะสามีเธอป่วยเป็นโรคที่รักษาไมหาย
ระหว่างการตรวจสอบทะเลสาบนั้น มีเฮลิคอปเตอร์ลำหนึ่ง บินมาลงจอดที่ริมตลิ่ง และทีมงานตรวจสิ่งผิดปกติของนายอำเภอแฮงค์ ก็ได้พบกับ “เฮคเตอร์ เซียร์” นักชีววิทยาที่ชอบจระเข้เป็นชีวิตจิตใจ เขาขนเครื่องไม้เครื่องมือมาพร้อม และชักชวนพวกแจ๊ค ให้พายเรือแคนูไปสำรวจทะเลสาบด้วยกัน

เฮคเตอร์ใช้โซนาร์ตรวจจับวัตถุใต้น้ำระหว่างพายเรือไปกับ แจ๊ค เคลลี่ย์ และแฮงค์ และในเวลานั้นเอง เฮคเตอร์จับสัญญาณของวัตถุขนาดใหญ่ใต้น้ำได้ และเรือแคนูของเคลลี่ย์ก็ถูกอะไรบางอย่างหนุนจนคว่ำ แต่ก็ไม่มีเหตุร้ายใดๆเกิดขึ้น เคลลี่ย์กับแฮงค์ได้รับการช่วยเหลืออย่างปลอดภัย

Posted Image

ตกดึก เฮคเตอร์พยายามทำกับดักเพราะเขาเชื่อว่ามีจระเข้อยู่ในทะเลสาบ แต่กลับกลายเป็นว่า แฮงค์กลับเดินมาติดกับดักซะเองจนทำให้แฮงค์เริ่มไม่ชอบเฮคเตอร์ที่ทำอะไรตามอำเภอใจ

วันต่อมา เฮคเตอร์ แฮงค์ แจ๊ค เคลลี่ย์ และเบิร์ค ได้ใช้เรือเร็วออกไปสำรวจกลางทะเลสาบ แจ๊ค กับ เฮคเตอร์ได้อาสาจะดำน้ำลงไปสำรวจใต้ทะเลสาบ ในระหว่างที่ทั้ง 2 อยู่ใต้น้ำ มีอะไรบางอย่างมาชนเรือและทำให้เคลลี่ย์ตกน้ำไป อีกทั้ง วัตถุขนาดใหญ่ยังลากสมอเรือไปไกลทำให้เฮคเตอร์ต้องชัดเชือกที่ผูกสมอเรือออก และรีบกลับไปช่วยเคลลี่ย์

ใต้น้ำ ระหว่างที่แจ๊คกำลังดำน้ำไปทางสาหร่ายกอหนึ่ง เขาก็เห็นหางของอะไรบางอย่างว่ายหายไปในระหว่างตอไม้ แจ๊ครู้สึกหวาดกลัวจึงรีบขึ้นจากน้ำทันที คนบนเรือพยายามหาเฮคเตอร์ จนพบ และได้เข้าไปช่วยเฮคเตอร์ขึ้นเรือได้อย่างปลอดภัย แต่ในเวลานั้นเอง ระหว่างที่เบิร์คกำลังกว้านเครื่องโซนาร์ขึ้นจากน้ำ เขาก็โดนอะไรบางอย่างที่โผล่ขึ้นมา กัดหัวของเบิร์คจนขาดออกจากลำตัว เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนไม่มีใครตั้งตัวทัน

ศพของเบิร์คถูกขนย้ายออกไป ในขณะที่แฮงค์กับเฮคเตอร์เกิดการทะเลาะกันและวิ่งไล่กันจนไปถึงริมน้ำ ระหว่างนั้นเอง มีหมีกริซลี่ย์ตัวหนึ่ง วิ่งออกมาจากป่าและเข้าโจมตีพวกแฮงค์ เฮคเตอร์หลบการตะปบได้อย่างหวุดหวิด หมีกริซลี่ย์ยืน 2 ขาและส่งเสียงคำราม แต่ในเวลานั้นเอง ผิวน้ำริมตลิ่งได้ระเบิดกระจายขึ้น และปรากฏเป็นส่วนหัวของจระเข้ขนาดมหึมาที่งับขาของหมีตัวนั้นจนล้ม และมันก็ลากหมีกริซลี่ย์ หายลงไปในน้ำ

พวกแจ๊คเชื่อแล้วว่า สิ่งที่ทำร้ายเบิร์ค เคน คือจระเข้ และยังเป็นจระเข้ขนาดใหญ่มหึมาชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน เคลลี่ย์บอกว่า จระเข้ตัวนี้ไม่ใช่จระเข้พันธุ์ในอเมริกา แต่เป็นจระเข้น้ำเค็มเอเชีย หรือพันธุ์อินโดแปซิฟิก สิ่งนี้ทำให้พวกเขาแปลกใจว่าจระเข้จากเอเชียทำไมถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ จากการบอกของเฮคเตอร์ ได้บอกว่า จระเข้น้ำเค็มนั้น สามารถว่ายข้ามมหาสมุทรได้ อีกทั้ง รัฐเมนยังมีพรมแดนทางน้ำที่ติดกับปากอ่าวที่ออกสู่ทะเลได้

วันต่อมา แจ๊คนำลูกทีม และเคลลี่ย์ออกตรวจตราตามชายป่า จนพบรอยเท้าขนาดใหญ่ ในขณะที่เฮคเตอร์ชวนเพื่อนของแฮงค์ นำเฮลิคอปเตอร์ไปสำรวจอ่าวแห่งหนึ่งที่เขาคาดว่า น่าจะเป็นที่ซ่อนตัวของจระเข้ยักษ์ เฮคเตอร์ลงไปสำรวจใต้น้ำ และก็ถูกโจมตีโดยจระเข้ยักษ์ แต่ก็รอดมาได้ ขณะที่พวกแจ๊ค ก็พบความจริงที่ว่า นางเดโลเรสนั้น ใช้วัวในฟาร์ม เป็นอาหารเลี้ยงจระเข้ยักษ์ในทะเลสาบ แฮงค์จึงตัดสินใจที่จะจับกุม อีกทั้งยังกักบริเวณเฮคเตอร์ที่ชอบทำอะไรตามอำเภอใจ

Posted Image
แจ๊คติดต่อหน่วยล่าสังหารมาเพื่อฆ่าจระเข้ ต่เฮคเตอร์ขอโอกาสแจ๊ค ลองใช้วิธีจับเป็นด้วยการใช้วัว ผูกสลิงกับเฮลิคอปเตอร์ และยิงด้วยปืนยาสลบ แผนการนี้ทำท่าจะล้มเหลวเมื่อจระเข้ยักษ์ไม่ยอมปรากฏตัว แต่เมื่อตกกลางคืน จระเข้ยักษ์ตัวยาวกว่า 30 ฟุตก็ปรากฏตัวขึ้น แรงสะเทือนของผิวน้ำและน้ำนัหที่โถมขึ้นมาของจระเข้ ที่หมายจะงับวัว ทำให้เฮคเตอร์บังคับ ฮ.พลาด ฮ.จึงตกลงไปกลางทะเลสาบ

จระเข้ยักษ์เปลี่ยนเป้าหมายขึ้นโจมตีคนบนฝั่ง เคลลี่ย์ถูกไล่ล่าโดยจระเข้ เธอจึงว่ายน้ำหนี โดยหมายจะหนีไปให้ถึง ฮ.ของเฮคเตอร์ และจังหวะที่ เคลลี่ย์กับเฮคเตอร์ กระโดดหนีการพุ่งเข้าปะทะของจระเข้ จึงเป็นเหตุให้ยักษ์ใหญ่ตัวนี้ หัวติดเข้าไปในซากของเฮลิคอปเตอร์ และด้วยฤทธิ์ยาสลบ ทำให้มันน็อคไปในที่สุด

ทำท่าว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เฮคเตอร์กลับโดนจระเข้ยักษ์อีกตัวหนึ่งที่เป็นคู่ของตัวที่ถูกจับ กัดเข้าที่ขา แต่ก็ไม่เป็นไรมาก แฮงค์จึงจัดการลั่นไกด้วยปืนยิงกระสุนระเบิด นัดเดียวจระเข้อีกตัวหนึ่งก็หัวกระจุยทันที

ทีมล่าสังหารมาถึง แต่ก็ไม่ถึงกับต้องฆ่าแกงกัน เพราะพวกแจ๊คสามารถจับจระเข้ยักษ์ตัวนี้ได้ และพวกเขาตดสินใจจะนำมันไปรักษาตัวที่พอร์ทแลนด์ ก่อนที่จะนำมันไปปลอ่ยที่บึงที่ไหนซักแห่งที่ไม่มีผู้คนเข้าไปถึง

ช่วงท้ายเรื่อง หลังจากจระเข้ยักษ์คู่นี้ หายไปจากทะเลสาบ นางเดโลเรส ยังแอบเลี้ยงลูกจระเข้อีก 4 ตัวซึ่งเป็นลุกของเจ้ายักษ์ 2 ตัวนั่นไว้ และนั่นก็คือเหตุการณ์ที่จะต่อเนื่องไปยัง Lake Placid 2 นั่นเอง


CHARACTERS
Posted Image 
นายตำรวจแจ๊ค เวลล์ / แสดงโดย บิล พูลแมน
นายตำรวจหนุ่มไฟแรง ตัวเอกของเรื่อง เขาเป็นคนรัฐเมนโดยกำเนิด มีนิสัยจริงจังกับงาน เป็นหัวหน้าทีมล่าจระเข้ในภารกิจครั้งนี้ เคยลงไปสำรวจในทะเลสาบ จนพบกับหางของจระเข้ยักษ์ว่ายอยู่ไกลๆ ทำให้เขารู้สึกผวากับสิ่งที่อยู่ในทะเลสาบ ในระหว่างภารกิจนั้น เขาเริ่มหลงรักกับเคลลี่ย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลาน
Posted Image 
เคลลี่ย์ สก็อต / แสดงโดย บริดเจ็ท ฟอนด้า
นักวิจัยสาวที่เชี่ยวชาญด้านสัตว์เลื้อยคลานยุคก่อนประวัติศาสตร์ ปกติจะทำงานที่พิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติในนิวยอร์ค เป็นคนรักสบาย ติดหรู ตอนแรกเธอทนไม่ได้ที่ต้องมานอนกลางดินกินกลางทรายในป่าแบบนี้ แต่เธอเริ่มปรับตัวได้ และเริ่มชอบแจ๊ค เธอเคยโดนจระเข้หนุนเรือจนคว่ำ และเธอเคยต้องดำน้ำหนีจระเข้ยักษ์ที่ไล่ตามมาติดๆ ภายหลังเธอยังได้คบกับแจ๊คในฐานะคู่รักอีกด้วย
Posted Image 
นายอำเภอแฮงค์ เคียช / แสดงโดย เบร็นดัน กลีสัน
นายอำเภอของรัฐเมน เป็นคนที่พบเจอเหตุการณ์ที่เคน เพื่อนของเขาถูกจระเข้ยักษ์ กัดขาด 2 ท่อน เป็นคนใจร้อน หุนหัน กล้าได้กล้าเสีย ไม่ถูกชะตากับเฮคเตอร์เอามากๆ มีอาวุธคู่ใจเป็นปืนยิงกระสุนระเบิด ตอนหลังเขาได้ยอมรับความเป็นเพื่อนกับเฮคเตอร์ และได้ติดรถพยาบาลตามไปดูอาการของเฮคเตอร์
Posted Image 
เฮคเตอร์ เซียร์ / แสดงโดย โอลิเวอร์ แพลท
นักชีววิทยาที่หลงรักจระเข้แบบสุดๆ เป็นคนออกแนวบ๊องๆ แต่ก็ฉลาดในการวางแผน เอาแต่ใจตัวเอง ไม่ชอบขี้หน้าแฮงค์เท่าไหร่ รู้จักกับเคลลี่ย์มาก่อน เพราะเคยทำงานด้วยกัน มีประวัติในการว่ายน้ำกับจระเข้มาก่อน ทำให้ตัวเขาแทบไม่กลัวสัตว์เลื้อยคลานแบบจระเข้ แต่เขาก็ต้องกลัว เมื่อเจอจระเข้ยักษ์ในระยะประชิดเข้าจนได้ เฮคเตอร์นี่เองที่เป็นคนวางแผนในการจับจระเข้ยักษ์
Posted Image 
เดโลเรส บิคเกอร์แมน / แสดงโดย เบทตี้ ไวท์
หญิงสาวชรา ผู้เป็นหม้าย เธอกุมความลับสำคัญไว้ว่า เธอเองที่เป็นคนนำวัวในฟาร์มไปเป็นอาหารให้กับจระเข้ยักษ์ในทะเลสาบ เธอหลอกว่าสามีเธอตายเพราะเธอฆ่าเขา เพราะเขาเป็นโรคร้าย แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่แบบนั้น อีกทั้ง เธอยังกุมความลับไว้อีกอย่างว่า จระเข้ยักษ์ ไม่ได้มีเพียงแค่ตัวเดียว

เบอร์นี่ บิคเกอร์แมน
สามีของนางเดโลเรส เสียชีวิตไปแล้ว การเสียชีวิตของเขาได้รับการเฉลยในภายหลังว่า ในวันหนึ่ง มีม้าหลุดไปที่ริมทะเลสาบ และมันกำลังจะถูกจระเข้งับ เบอร์นี่ได้ถลาเอาตัวเข้าไปขั้นกลาง ทำให้เขาถูกจระเข้ยักษ์กินเข้าไปแทน และเบอร์นี่นี่เอง ที่เป็นคนเจอจระเข้ผัวเมียคู่นี้เป็นคนแรกระหว่างไปตกปลา ทำให้ทั้ง 2 สามีภรรยา เลี้ยงจระเข้คู่นี้ไว้เหมือนกับสัตว์เลี้ยง
Posted Image 
เบิร์ค / แสดงโดย เจด รีส
ผู้ช่วยนายอำเภอ ลูกน้องของแฮงค์ เสียชีวิตเพราะถูกจระเข้กัดหัวขาดระหว่างกำลังกว้านโซนาร์ขึ้นจากน้ำ
Posted Image 

ไมเคิล เคน 
เพื่อนของแฮงค์ เป็นนักประดาน้ำที่ลงไปสำรวจในทะเลสาบเพื่อตรวจคุณภาพน้ำ และตรวจสอบรังของบีเวอร์ แต่ตายเพราะถูกจระเข้ยักษ์กัดจนตัวขาดเป็น 2 ท่อน


SPECIES OF CREATURE
Posted Image


คาแรคเตอร์ที่สำคัญสำหรับภาพยนตร์จระเข้ยักษ์เรื่องนี้ ก็หนีไม่พ้นจระเข้ยักษ์พันธุ์น้ำเค็ม 2 ตัวที่มีขนาดยาวกว่า 30 ฟุต เจ้า 2 ตัวนี้อพยพมาจากเอเชีย และเข้ามากบดานในทะเลสาบแบล็คเลค รัฐเมน จากการค้นคว้าเกี่ยวกับพฤติกรรมการย้ายถิ่นฐานของจระเข้น้ำเค็ม ทางมหาวิทยาลัยซิดนี่ย์ได้เปิดเผยว่า จระเข้น้ำเค็มที่มีขนาดใหญ่นั้น สามารถว่ายน้ำข้ามมหาสมุทรได้อย่างสบายๆ โดยมันจะปล่อยตัวให้ลอยไปกับกระแสน้ำเรื่อยๆ เคยมีรายงานว่า ทางรัฐควีนส์แลนด์ พบจระเข้น้ำเค็มที่ไม่ใช่พันธุ์ออสเตรเลีย แต่เป็นพันธุ์เอเชียแท้ แต่กลับมาว่ายน้ำป้วนเปี้ยนอยู่ที่ออสเตรเลียได้ 


จากใจผู้เขียน

สำหรับผมแล้ว ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกที่เกี่ยวกับจระเข้ยักษ์ที่ผมได้ดู และเป้นภาพยนตร์เรื่องแรกที่แม่ของผมพาไปดูในโรงภาพยนตร์ เป็นทั้งความทรงจำ แรงบันดาลใจในหลายๆอย่าง ที่ผมได้นำไปประยุกต์ใช้ในงานเขียนนิยายต่างๆหลายเรื่อง สำหรับใครที่มองว่า เป็นแค่ "หนังเกรดบีห่วยๆ" เรื่องหนึ่ง ลองหยิบมันออกมาดูซักครั้งเถอะครับ มันอาจจะเปลี่ยนความคิดคุณได้บ้างเหมือนกัน ลองเปิดใจแล้วลองดูครับ ว่ายังมีหนังสัตว์ยักษ์ทำร้ายคนที่เป็นหนังเกรด A+ ลงทุนสร้างสูง และเป็นตำนานมาจนถึงทุกวันนี้ หลบซ่อนตัวอยู่ในกองของหนังเกรด B เหมือนกัน เขาว่ามีเพชรในตม แน่นอนว่าหนังเกรด A ก็สามารถแฝงตัวอยู่ในตมที่เรียกว่าหนังเกรด B ได้เหมือนกัน Lake Placid เรื่องนี้อาจจะตอบโจทย์บางอย่างที่คุณหามานานอยู่ได้ก็เป็นได้นะครับ

บทความโดย Himeya Jun (BaiToNg)


วันเสาร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2555

DVD และ VCD ก็อดซิลล่า


ขอบอกเลยว่า ผมเองก็เป็นแฟนพันธุ์แท้หนังสัตว์ประหลาดจากแดนซากุระอย่างเรื่อง "ก็อดซิลล่า" เหมือนกันครับ 

สำหรับผม ผมโตมาในยุคที่ก็อดซิลล่ายุคเฮเซย์ กำลังโด่งดัง แม้ว่ามันจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายก่อนที่โรงถ่าย TOHO จะเลิกผลิตไป และขายสิทธิ์ให้กับทาง USA ผลิตก็อดซิลล่าเวอร์ชั่นอเมริกาออกมาให้ดู แต่ผมกลับรู้สึกรักและผูกพันกับเจ้าไดโนเสาร์สีดำ รูปร่างอุ้ยอ้าย แต่กลับสามารถปล่อยพลังลำแสงปรมาณูออกจากทางปากได้ มันเท่จริงๆ

ผมมาอยู่หอพักของมหาวิทยาลัย เลยหอบก็อดซิลล่าภาคที่ผมถูกใจเป็นที่สุดมาแค่นี้ครับ เป้นส่วนผสมทั้งของต้นฉบับเก่าของบริษัท APS  และก็มาซื้อต้นฉบับ Re Master เป็น DVD ที่ออกมาใหม่่นี่แหละครับ

The Return of Godzilla : คืนชีพก็อดซิลล่า

ภาคนี้เป็นภาคที่ถือว่าเป็นภาคแรกของก็อดซิลล่ายุคเฮเซย์เลยก็ว่าได้ ด้วยดีไซน์ของรูปร่าง หน้าตาของก็อดซิลล่าที่เปลี่ยนไปจากก็อดซิลล่ายุคโชวะ ประมาณช่วงปี 197X ก็อดซิลล่าหยุดผลิตไปประมาณ 10 กว่าปี ด้วยความที่ เรตติ้งตก เนื้อเรื่องไม่ค่อยดี แต่ท้ายที่สุดในปี 1984 ก็อดซิลล่าก็ได้กลับมาอาละวาดอีกครั้ง โดยคราวนี้ มันบุกมาถล่มเมืองโตเกียวจนพินาศอีกครั้ง 


King Kong Vs Godzilla : คิงคอง ปะทะ ก็อดซิลล่า

ภาคนี้เป็นก็อดซิลล่ายุคโชวะครับ เนื้อเรื่องดูตลกๆ เนื่องด้วยเทคนิคภาพสมัยก่อนที่ยังดูไม่ค่อยเนียน ไม่ค่อยสมจริง เนื้อเรื่องนี่เรียกว่าเป็นการถอดเอาเนื้อเรื่องบางส่วนของคิงคอง ภาพยนตร์ดงของฝั่งอเมริกา มาผูกเข้ากับก็อดซิลล่านี่แหละครับ เจ้าคิงคองจัดว่าเป้นสัตว์ประหลาดตัวที่ 2 ที่ได้มาต่อกรกับก็อดซิลล่าเลยก็ว่าได้


Godzilla Vs Mechagodzilla : ก็อดซิลล่า ปะทะ เมคาก็อดซิลล่า

เป็นภาคแรกที่เมคาก็อดซิลล่าออกโรงครับ คู่ต่อสู้ตัวนี้ของก็อดซิลล่า สร้างชื่อเสียงได้มากที่สุดในยุคโชวะเลยก็ว่าได้ ก่อนที่จะมีการสร้างภาคการล้างแค้นในปีต่อมาอีกด้วย


Godzilla Vs King Ghidorah : ก็อดซิลล่า ปะทะ คิงกิโดร่า

คิงกิโดร่า กลับมาอาละวาดในยุคเฮเซย์เช่นกันครับ แต่มันเป็นการออกอาละวาดที่มีเรื่องเชื่อมโยงมาจากยุคสงครามโลก ด้วยพิษสงของมนุษย์จากโลกนาคตที่ย้อนเวลาไปเปลี่ยนประวัติศาสตร์ ไม่ให้มีก็อดซิลล่าถือกำเนิดขึ้นมา แต่กลับส่งสัตว์ชีวะ 3 ตัวไปซึมซับพลังงานนิวเคลียร์บนเกาะทาลอส จนทำให้กาลเวลาผ่านไป สัตว์ 3 ตัวนั่นจึงรวมร่างกลายเป็นคิงกิโดร่า มังกร 3 หัวนี่แทนและเข้าทำลายญี่ปุ่น แต่ก็อดซิลล่าก็ยังกลับมาครับ


Godzilla Vs Mothra : ก็อดซิลล่า ปะทะ มอทร่า

ผีเสื้อในตำนาน มอทร่า กลับมายังภาคเฮเซย์เช่นกัน แต่คราวนี้มีศัตรูใหม่ที่เป็นสายพันธุ์ผีเสื้อยักษ์เช่นกันอย่าง "แบทรา" มาต่อกรกับก็อดซิลล่า และมอทร่าอีกด้วย


Godzilla Vs Mechagodzilla II : ก็อดซิลล่า ปะทะ เมคาก็อดซิลล่า 2

เป็นการปะทะกับเมคาก็อดซิลล่าที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ยุคปัจจุบัน แต่ใช้เทคโนโลยีและชิ้นส่วนของ เมคาคิงกิโดร่า ที่จมลงสู่ก้นทะเลเมื่อตอนภาค Godzilla Vs King Ghidorah ครับ และภาคนี้มีการค้นพบไข่ใบหนึ่งที่ฟักตัวออกมาเป็น ก็อดซิลล่าซอรัสรุ่นลูก และให้ชื่อว่า "เบบี้"


Godzilla Vs Space Godzilla : ก็อดซิลล่า ปะทะ ก็อดซิลล่าจากอวกาศ

ก็อดซิลล่าจากอวกาศ ถือว่าเป็นศัตรูที่สร้างความบอบช้ำให้กับก็อดซิลล่าได้มากที่สุดครับ อีกทั้งมันยังจับเจ้าเบบี้ ที่โตขนาดภูเขาไปอีกด้วย ภาคนี้ เบบี้โตขึ้นจนเปลี่ยนมาเรียกชื่อว่า "ลิตเติ้ล" แทนครับ


Godzilla Vs Destroyah : ก็อดซิลล่า ปะทะ เดสทรอยย่า ศึกอวสานก็อดซิลล่า

จัดว่าเป้นภาคสุดท้ายของก็อดซิลล่ายุคเฮเซย์ 90 ก็อดซิลล่าที่มีอาการผิวร้อนเป็นไฟ เนื่องจากเจาปฏิกรณ์ปรมาณูที่อยู่ในร่าง กำลังปะทุ ในขณะที่ในใต้ทะเล ก้มีสิ่งมีชีวิตที่เกิดจากการกลายสภาพของสิ่งมีชีวิตเพราะ ฤทธิ์ของ ออกซิเจนเดสทรอยเยอร์ ที่ใช้ในการกำจัดก็อดซิลล่าตัวแรกช่วงยุคโชวะ ได้ทำให้สัตว์ในทะเล รับสารที่ตกค้างนั่นเข้าไป และกลายพันธุ์เป็น เดสทรอยย่า และได้เข้าโจมตีเจ้า "จูเนียร์" หรือเจ้าลิตเติ้ลที่โตแล้วจนอาการสาหัส แต่ก็อดซิลล่าก็เข้าสู้กับเดสทรอยย่าจนได้รับชัยชนะ แต่ก็อดซิลล่าเองก็เริ่มละลายเพราะเกิดอาการ Melt Down ที่เกิดจากการที่ เจาปฏิกรณ์ปรมาณูในร่างกาย มีความร้อนสูงจนควบคุมไม่ได้ ก็อดซิลล่าจึงละลายหายไป โดยปล่อยพลังงานนิวเคลียร์ออกมา และก็เป็นเจ้าจูเนียร์ที่นอนปางตายอยู่นั่น ดูดซึมเอาพลังงานนิวเคลียร์ที่ก็อดซิลล่าปล่อยออกมาเข้าไปแทน จูเนียร์จึงโตเต็มที่และวิวัฒนาการ กลายเป็นก็อดซิลล่าตัวใหม่เข้าไปแทน


จริงๆ ผมยังมี DVD และ VCD ก็อดซิลล่าอีกหลายแผ่นเหมือนกัน แต่ไว้มีโอกาสจะมา Review ให้ชมกันใหม่นะครับ อาจจะมีเขียนเป็นบทความบ้างเหมือนกัน ลองติดตามกันดูนะครับ




รวมของสะสม DVD และ VCD ภาพยนตร์แนวไอ้เข้ยักษ์


ปกติบอกเลยว่า ภาพยนตร์ส่วนใหญ่ที่ผมเก็บนี่ จะออกแนว Horror ที่ต้องมีสัตว์ที่มีขนาดใหญ่ยักษ์ และทำร้ายคนเป็นตัวชูโรง จะเป็นสัตว์อะไรก็ได้ จะเป็นแมลง จิ้งจกตุ๊กแกหรืออะไรก็ตาม ถ้ามีขนาดใหญ่ และดุร้าย ไล่ล่าคนเป็นอาหารจานหลักล่ะก็ เข้าทางผมทันทีครับ ต้องมีอันสอยหรือโหลดมาให้ได้แทบทุกเรื่อง

สำหรับตัวผมนี่ ถ้าให้เลือกหนังแนวสัตว์ยักษ์โหดนี่ ผมจะต้องยกให้แบบนอนมา 3 อันดับแรกคือ 1. จระเข้ยักษ์ 2.งูยักษ์ 3.ปลาฉลามยักษ์ และช่วงนี้ หากมี member ท่านไหนสังเกตว่า ผมเขียนนิยายระทึกขวัญเกี่ยวกับจระเข้ยักษ์อยู่เรื่องหนึ่งคือ "ลำน้ำมรณะ" อยู่ และยังลงไม่จบเรื่อง ผมบอกได้เลยว่า ของสะสมงวดนี้ เป็นแรงบันดาลใจให้ผมตั้งแต่ยังเด็กเลยทีเดียว ที่จะเขียนเรื่องสั้น หรือนวนิยายเกี่ยวกับการไล่ล่าจระเข้ยักษ์โดยเฉพาะครับผม และวันนี้ เรามาดูกัน สำหรับแรงบันดาลใจทั้งหมดที่ทำให้ผมกล้าลองกล้าเขียนงาน




Lake Placid : โคตรเคี่ยมบึงนรก ภาค 1-3

ภาคแรก
ผมต้องบอกก่อนเลยว่า เรื่อง Lake Placid เป็นหนังแนวจระเข้ยักษ์เรื่องแรกในชีวิตที่ผมมีโอกาสได้ดู และเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมได้มีโอกาสได้นั่งดูหนังในโรงภาพยนตร์กับคุณแม่ เรื่องนี้ฉายตอนปี 1999 ตอนผมอายุ 9 ขวบพอดี และต้องบอกว่า เรื่องนี้อิงทฤษฎีทั้งทางชีวะวิทยา เข้ากับเรื่องวิชาสิ่งแวดล้อมได้ดีทีเดียว เนื้อเรื่องก็สนุก ลุ้นดี อีกทั้ง ระบบภาพเสียง CG Effect ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมและเนียนมาก จระเข้มีทั้งผสมผสานทั้ง CG และหุ่น แต่กลับทำออกมาได้เนียนและดูลึกลับน่ากลัว

ภาคสอง
ได้เห็นข่าวในเว็บ Animalattack.info ตอนปี 2007 ทำให้ผมตื่นเต้นเลยว่า เฮ้ย !! มันมีภาคต่อแล้วเหรอ อยากดูมากๆ เนื้อเรื่องจะเป็นยังไง ผมมีโอกาสได้ดู DVD แผ่นแท้ตอนช่วงต้นปี 2008 พอดี เนื้อเรื่องก็เป็นเหตุการณ์ต่อจากภาคแรกแหละครับ ลูกจระเข้ 4 ตัวที่เป็นลูกของจระเข้ยักษ์ตัวเมียตัวผู้จากภาคแรก ได้โตแล้ว และแน่นอนว่ามันโหดร้ายกว่ารุ่นพ่อแม่ แต่คนที่เลี้ยงมัน กลับไม่ใช่นางโดเรเลส บิ๊กเกอร์แมนในภาคแรก เธอหายตัวไปอย่างลึกลับ เป็นเหตุให้นางเซดี้ บิ๊กเกอร์แมน ผู้เป็นน้องสาว และอยู่บ้านห่างจากบ้านของโดเรเลสไปไม่เท่าไหร่ ทำหน้าที่เลี้ยงดูแทน โดยการให้กินเนื้อที่ฉีดสารเร่งเนื้อโตเข้าไปด้วย แต่เรื่องนี้ทำให้ดูด้อยค่าตรงที่ CG ห่วยแตกมาก สู้ภาคแรกที่ลงทุนสูงอย่างไม่ได้แม้แต่น้อย

ภาคสาม
ผมถึงกับเหวอรับประทานไปเลย เมื่อรู้ข่าวและได้ดูตัวอย่างจาก Youtube ตอนปี 2010 ว่า Lake Placid จะมีภาค 3 และฉายทางช่อง Scifi-Horor ของทาง USA ผมบอกตรงๆเลยว่าเริ่มส่ายหน้า เพราะภาค 2 ทำไว้แย่ แต่ก็แย่ตรงที่ CG ซะเป็นส่วนใหญ่ บวกกับจุดบอดในเนื้อเรื่องมีไม่กี่จุด แต่ภาค 3 นี่ยิ่งทำให้จุดด้อยของภาค 2 ระเบิดทะลุออกมาจนผมยี้หนังเรื่องนี้ไปเลย ผมลงทุนโหลดแบบ Raw ไฟล์มาดูก่อนที่ทาง CVD ของไทยจะซื้อ License มาทำแผ่นขายในเมืองไทยซะด้วยซ้ำ และต้องบอกเลยว่า "แย่กว่าภาค 2 อย่างยิ่ง" ทั้งเนื้อเรื่อง บท CG เละเทะไปหมด และที่สำคัญคือ ความสมจริงในเหตุการณ์ หายไปหมดจนไม่เหลือเค้าของภาคแรกเลยแม้แต่น้อย ส่วนเนื้อเรื่องคร่าวๆก็คือ หลังจากนายอำเภอไรลีย์พระเอกภาค 2 ได้ช่วย เอ็มม่านางเอกเก็บไข่ที่จระเข้ยักษ์ในภาคสอง ได้วางไว้ในรังกลางป่าไปแล้ว แต่กลับกลายเป็นว่าก่อนหน้าที่ทั้งสองจะเจอไข่ชุดนี้ มันมีไข่บางใบนั้น ฟักตัวเรียบร้อยแล้ว โดยน่าจะฟักในช่วงก่อนที่เหตุการณ์ในภาค 2 จะเกิดขึ้น ลูกจระเข้ประมาร 4-5 ตัวได้ไปซ่อนตัวจากเหตุการณ์ที่พ่อแม่และญาติๆของมันถูกไล่ล่าในช่วงภาค 2 

และเมื่อเหตุการณ์ภาค 2 จบลง พ่อแม่และลุงน้าอะไรของมัน โดนระเบิดหัวจนเละไปหมดแล้ว พวกมันได้ออกมาจู่โจมนักท่องเที่ยวในภาคสาม และตัวเอกของภาคนี้ เป็นหลานชายของ เซดี้ บิ๊กเกอร์แมน ซึ่งมีอาชีพเป็นนักอนุรักษ์ และได้มรดกทางพินัยกรรมเป็นบ้านริมทะเลสาบ หลังเดียวกันกับในภาคสองต่อจากเซดี้นั่นเอง 




จากซ้ายไปขวา

Black Water : เหี้ยมกว่านี้ไม่มีในโลก
เรื่องนี้จัดว่า "โหด ดิบ สยอง" ได้แบบสุดๆเลยทีเดียว จระเข้เรื่องนี้ไม่ถึงกับใหญ่มาก แต่มันโหดและรวดเร็ว อีกทั้ง CG ยังทำได้เหมือนจริง เนื้อเรื่องกล่าวถึง กลุ่มเพื่อน 3 คนที่ว่าจ้างไกด์ให้พาล่องเรือไปตกปลาในเวิ้งน้ำบริเวณปากแม่น้ำแห่งหนึ่ง แต่กลับโดนจระเข้ตัวหนึ่งโจมตี ท้ายสุด รอดชีวิตเพียงคนเดียว ผมกล้าการันตีเลยว่า เรื่องนี้ แม้จระเข้จะไม่ใหญ่ยักษ์ แต่มันดูระทึก หวาดเสียว และดูสมเหตุสมผลมากเหมือนกัน จัดว่าในปี 2007 ภาพยนตร์จระเข้ยักษ์ บูมมากทีเดียว ไหนจะ Primeval , Lake Placid 2 , Rogue , Black Water , Supergator

Rogue : ตำนานโหดโคตรไอ้เคี่ยม
ใครได้ดูเรื่องนี้ ผมว่าต้องยกนิ้วให้เลยทีเดียว เพราะตัวหนังทำได้ดูหวาดเสียว น่ากลัว ระทึกไปในตัว หนังทั้งเรื่องแทบหาเสียง Background Music ไม่ได้เลย บทไอ้เข้จะโผล่ก้โผล่มาเอาดื้อๆ CG จัดว่าทำได้เนียนพอๆกับเรื่อง Lake Placid กับ Black Water เลยทีเดียว เนื้อเรื่องก็จัดว่าดี จระเข้ยักษ์ในเรื่องก็ทำให้รู้สึกว่า มันใช้สัญชาตญาณของสัตว์ออกมาได้สมจริงเหมือนเรื่อง Lake Placid เลย (แถมเป็นจระเข้น้ำเค็มเหมือนกันด้วย)
เนื้อเรื่องก็กล่าวถึง กลุ่มนักท่องเที่ยวที่ล่องแม่น้ำชมจระเข้ในร่องแม่น้ำออสเตรเลีย แล้วได้เห็นพลุสัญญาณของคนๆหนึ่งจากฟากไกลๆจากอีกจุดหนึ่งของร่องแม่น้ำ จนท้ายสุด เรือของกรุ๊ปทัวร์ต้องเปลี่ยนเส้นทางเพื่อจะตามสัญญาณไปช่วย แต่เมื่อไปก็พบเพียงซากเรือที่ล่มไป และพวกเขาก็ถูกโจมตีโดยจระเข้ยน้ำเค็มยักษ์ จนเรือแตก พวกเขาจึงต้องหนีไปอยู่บนเกาะดินกลางเวิ้งน้ำที่ซึ่ง เมื่อเริ่มมืด น้ำจะขึ้นและจะทำให้เกาะดินกลางเวิ้งน้ำค่อยๆจมน้ำไป พวกเขามีทางเลือกคือ ต้องหาทางข้ามน้ำไปยังฝั่งแผ่นดินใหญ่ให้ได้ แต่จะทำยังไงเมื่อในน้ำก็มีจระเข้ยักษ์คอยดักซุ่มโจมตีพวกเขา

Primeval : โคตรเคี่ยมสะพรึงโลก
คิดว่าหลายๆคน น่าจะเคยดูและรู้จักเรื่องนี้ เพราะมันเป็นการนำเอาเรื่องจริงของ จระเข้กินคนแห่งลุ่มน้ำบุรันดี้ในแอฟฟริกาอย่างเจ้า "กุสตาฟ" มาใช้ และแน่นอนว่า CG ทำเอาเหมือนหนัง เกรด B ทั่วไปจริงๆ เวอร์เกินจริง และเนื้อเรื่องเน้นเกี่ยวกับความขัดแย้งทางชนชาติ และศาสนามากเกินไป กุสตาฟในเรื่องก็ทำเอาผมไม่อยากเชื่อว่า จระเข้วิ่งในทุ่งหญ้าแห้งได้ไวขนาดนั้นเลยหรือ ?? ด้วยเรื่องนี้ แทนที่จะสร้างกิตติศัพท์ความดุร้ายให้เจ้าของตำนานที่ทุกวันนี้ ก็ยังคงมีชีวิตอยู่อย่างเจ้ากุสตาฟ กลับกลายเป็นสร้างความมึน และชวนง่วงให้กับคนดูซะเอง

Blood Surf : โคตรไอ้เข้ อสูรกาย 100 ปี
ในเรื่องกล่าวถึงกลุ่มนักถ่ายทำสารคดีแนว Survivor ที่ต้องการจะถ่ายทำการเล่นเซิร์ฟท่ามกลางฝูงฉลาม แต่ฝูงฉลามดันโดนวัตถุบางอย่างกัดกินแบบสยดสยอง และแล้ว ตัวการที่ทำให้การถ่ายทำต้องชะงักก็ปรากฏตัวขึ้นมานั่นก็คือ จระเข้น้ำเค็มขนาดยักษ์ อายุร่วมๆ 100 ปี และมีชื่อเรียกแสนน่ารักว่า "ซอลตี้" มันมีจุดอ่อนคือ มันไม่สามารถที่จะลงไปในน้ำจืดได้ หนังเรื่องนี้ เนื้อเรื่องก็ยังพอได้ลุ้น แต่เมื่อเห็นภาพ CG และหุ่นจระเข้แล้ว แทบอยากจะกดเอาแผ่นออกจากเครื่อง แล้วนำไปเล่นเป็นจานร่อนในทันที

เรื่องนี้ดีจุดเดียวคือ สาวๆในเรื่องเซ็กซี่มาก !!






จากซ้ายไปขวา

Dinocroc : ไดโนเสาร์พันธุ์จระเข้
เรื่องนี้ค่อนข้างยึดติดแนวคิดตามหนังเกรด B หรือเกรด C แบบเก่าๆพอสมควรคือ ตัดต่อพันธุกรรมแล้ว พลาด ควบคุมสัตว์ไม่ได้ ทำให้สัตว์ทดลองฆ่าเจ้าหน้าที่และหลุดออกไปแฝงตัวในจุดต่างๆ อย่างในเรื่อง เป็นการสะกัด DNA ของจระเข้กับไดโนเสาร์กินเนื้อ เข้าด้วยกัน ทำให้มันมีกล้ามเนื้อส่วนหัวเข่าและน่องที่แข็งแรงเหมือน T-Rex สามารถวิ่งบนบกได้เร็ว และว่ายน้ำได้เพราะมีเท้าที่เป็นพังผืดของจระเข้ กับหางที่ยาวและใหญ่โต และก็ตายอนาถเพราะโดนรถไฟชนในตอนท้าย และก็ยังอุตส่าห์ทิ้งร่องรอยภาคต่อไว้ที่ การปรากฏตัวของไอ้เคี่ยมร่างผสมอีกตัวหนึ่ง ตามแบบฉบับหนังเกรด B สำหรับเรื่อง CG ก็จัดว่า ดีกว่าหนังจระเข้หลายเรื่อง แต่ก็ไม่อาจจะไปเทียบเคียงพวก Lake Placid หรือ Rogue ได้

Supergator : โคตรเข้เขี้ยวอสูร
ตอนแรกผมอดนึกไม่ได้ ที่ได้แผ่นเรื่องนี้มาดู เพราะรูปร่างหน้าตาไอ้เข้ตัวนี้ ช่างเหมือนกับไดโนคร็อกมากทีเดียว แต่เมื่อดูค่ายที่ผลิต อ้อ ... คนละคายกัน แค่ฝ่าย Art เล่นตลก ทำให้ดูคล้ายๆกัน โดยจระเข้ในเรื่อง ไม่ได้เป็นจระเข้พันธุ์ผสมเหมือน Dinocroc แต่แม่เจ้า เป็นการโคลนนิ่งจระเข้สายพันธุ์โบราณที่มีชีวิตอยู่ในยุคดึกดำบรรพ์อย่าง "โฟโบซุคัส" ขึ้นมาเพื่อวิจัย แต่แล้วก็ใช้มุขเก่าคือ หลุดออกมาไล่ล่าคนบนเกาะฮาวายครับ และที่สำคัญ จระเข้ตัวนี้ทำให้ผมมึนยิ่งกว่าเดิมคือ มันเป็นจระเข้หรือว่าเสือชีต้าฟะ วิ่งเร็วโคตรๆ และเรื่อง CG ก็ไม่ต้องสนใจครับ ไม่เนียนเลย คลาสต่ำกว่าเรื่อง Dinocroc อีกตะหาก

Dinocroc Vs Supergator : สงครามโคตรเคี่ยมล้านปี
ในที่สุด หลังจากมีกระแสเรื่องความเหมือนของหนังจระเข้ตัดต่อพันธุกรรมสองเรื่องอย่าง Dinocroc กับ Supergator เลยมีค่ายหนึ่ง จัดเอาไอ้สองตัวนี่มาเจอกันซะทีครับ แน่นอนว่า ไอ้สองตัวนี่ถูกเพาะพันธุืในสถาบันวิจัยที่เดียวกัน แล้วดันหลุดออกมาแยกย้ายกันไปฆ่าคน ก่อนที่ใกล้จบเรื่อง มันสองตัวก็ได้มาเจ๊อะกันเสียที และได้ดวลกันแบบตัวต่อตัว ส่วนใครชนะแพ้นี่ แนะนำว่าลองไปหาดูครับ แต่เรื่องนี้ CG พอดูโอเคกว่าหนังต้นแบบก่อนนำมาปะทะกันเยอะ !!






จากซ้ายไปขวา

ผมบอกเลยว่า คงไม่มีใครที่ไม่รู้จัก วรรณคดีเรื่องนี้ "ไกรทอง" และนี่เป็นแบบที่ผมเก็บสะสมไว้ครับ

ไกรทอง : ซีรี่ย์ช่อง 7 ฉายตอนเช้าวันเสาร์ - อาทิตย์ตอนปี 2538
เรื่องนี้ ผมอาศัยโหลดจาก Youtube มาอัดลง DVD เอาเองแหละครับ ก้ไม่ค่อยแปลกจากตำนานเท่าไหร่ แค่เพิ่มเติมตัวละคร และเหตุการณ็บางอย่างให้ดูสนุกขึ้นตามแบบ ซีรี่ย์หนังไทยของค่ายสามเศียร ข่อง 7 สีในสมัยก่อน แต่ไม่ทำยืดเยื้อชวนเซ็งเหมือนสมัยนี้ แต่ที่ยังคงคลาสสิกก็คือ เสียงคำรามของชาละวัน ก็ใช้เสียงคล้ายๆคนท้องเสียและครับ "โครก.... ครืด" ซึ่งซาวน์เอ็ฟเฟ็กต์นี้ ใช้มาตั้งแต่ไกรทองยุคที่สรพงษ์เล่นยันหนังไอ้เข้ยักษ์ของไทยหลายๆเรื่องเลยทีเดียว


ไกรทอง : ฉบับหนังโรง 2544
ฉบับหนังโรง ผมว่ามัน "ยอดแย่" จริงๆ เพราะเหมือนจงใจขายฉากการมีเซ็กซ์ระหว่างไกรทองกับบรรดาเมียชาละวันมากกว่า จะเรียกว่าเป็นหนัง R ก็ไม่ผิด และจระเข้ในเรื่อง หุ่นยังพอน่าดุว่าเหมือนจริง แต่ CG นี่ผมบอกเลยว่า ถ้าทำได้แค่นี้ อย่าทำซะจะดีกว่าครับ เนื้อเรื่องก็แย่ ทำเอาตำนานวรรณคดีที่มีชื่ออย่างไกรทอง ป่นปี้หมด CG ก็ห่วย โดยรวมคือ ไม่ไหวครับ !!


ไกรทอง : ซีรี่ย์การ์ตูนของค่าย Broadcast ฉายทางช่อง 3 ครั้งแรกปี 2545 - 2546
เป็นการ์ตูนวรรณคดีที่ผมติดตามดูทุกตอน มีทั้งฮา ทั้งน่ารัก ปะปะกันไป แต่ก็ใช้เนื้อเรื่องตามวรรณคดีจริงเป็นหลัก ดูโดยรวมคือ ให้ 8 เต็ม 10 ครับ ติดที่ว่า ซาวน์ไม่ค่อยเข้ากับภาพบางฉากเท่าไหร่นัก


ไกรทอง : เวอร์ชั่นเก่า ปี 2516
หนังของอีตาสมโพธิ แสงเดือนฉาย นั่นแหละครับ ก็ไม่มีไรมาก ไม่แตกต่างจากวรรณคดีเลย แต่นักแสดงนี่ แสดงได้สมบทบาทครับ ทั้งสรพงษ์ ชาตรี หรือ สมบัติ เมทะนี






จากซ้ายไปขวา

Killer Crocodile : สัตว์อมตะ ลุ่มน้ำอำมหิต
หนังแนวจระเข้ยักษ์โดนสารเคมี ทำให้ตัวใหญ่ขึ้น เนื้อเรื่องจัดว่าสนุกดีเหมือนกัน ภาพที่ถ่ายก็ดูเหมือนหนังเกรด B ยุค 80 ประมาณนั้นครับ พระเอกก็ดูเท่ดี แต่อยากให้ทำใจเรื่องตัวจระเข้ครับ เพราะเรื่องนี้ เป็นหนังปี 1989 ยุคนั้น CG ยังไม่บูมเท่าไหร่ ตัวจระเข้เป็นหุ่นทื่อๆ แต่เนื้อเรื่อง ผมว่าสนุกทีเดียว เนื้อเรื่องพูดถึง กลุ่มนักศึกษาที่มาสำรวจแหล่งน้ำในแม่น้ำแห่งหนึ่ง แล้วพบว่ามีจระเข้ยักษ์ที่ซึ่งเ)้นจระเข้ตามแหล่งน้ำธรรมชาตินี่แหละ โดนสารเคมีเข้าไปทำให้ตัวใหญ่ขึ้น พวกเขาเลยต้องร่วมมือกับพรานจระเข้พื้นเมืองเพื่อล่าตัวมัน แต่ตอนจบก็ยังทิ้งท้ายเหมือนจะมีภาคต่อก็คือ มีไข่ฟองหนึ่งริมแม่น้ำกำลังฟัก และก็มีลูกจระเข้ฟักออกมา

Killer Crocodile 2 : สัตว์อมตำ ลุ่มน้ำอำมหิต 2
ภาคต่อครับ ใช้พระเอกคนเดิม เหตุการณ์ห่างจากภาคแรกไม่นานเท่าไหร่ จระเข้ก็คือ ไอ้ตัวที่ฟักออกจากไข่นั่นแหละครับ เติบโตขึ้นแล้วไปโดนสารเคมีเหมือนที่แม่มันโดน






จากซ้ายไปขวา

Crocodile : งาบ...พันธุ์สยองโลก
ขอใช้ชื่อเก่านะครับ แม้ว่าค่าย ST Video จะโมชื่อใหม่เป็น Crocodile Super Attack แต่เนื้อเรื่องมันเป็นเรื่อง Crocodile ปี 2000 แน่นอนครับ 100% และแน่นอนว่าผมเคยเช่าวิดีโอชนโรงมาดูตอนช่วงหนังฉายน่ะแหละ เนื้อเรื่องก็กล่าวถึงกลุ่มนักศึกษาจากเมืองกรุง มาเที่ยวทะเลสาบในมิชิแกน และไปเผลอขโมยไข่ของจระเข้แม่น้ำไนล์ขนาดใหญ่ เลยทำให้มันตามล่าพวกเขา เรื่องนี้ CG ก็ไม่เนียนเหมือนเดิม หุ่นก็ทำแข็งๆ แต่เรื่องความโหด ดิบ สยองนี่จัดว่าใช้ได้เลย

Crocodile 2 : งาบ 2 ... เขี้ยวสยองขย้ำโลก
เป็นภาคต่อครับ แต่เหตุการณ์ไม่ได้เกี่ยวข้องกัน ตัวละครเป็นคนใหม่ เรื่องใหม่ทั้งหมด เนื้อเรื่องคือ กลุ่มโจรที่ปล้นแบงค์ได้คิดหนีออกนอกประเทศ และทำการไฮแจีคเครื่องบิน และเผลอยิงไปโดนปุ่มควบคุม ทำให้เครื่องบินตกลงไปในบึงวกา้งใหญ่แห่งหนึ่ง ผุ้โดยสารตายจากเครื่องบินตกแทบทั้งลำ เหลือรอดไม่กี่คน และพวกเขาก็พบจระเข้ยักษ์ตัวหนึ่ง มาคาบกัปตันเครื่องบินไปกิน แต่พวกโจรที่เจือกรอดมา ดันฆ่ามันได้ แต่มันไม่จบแค่นั้น เพราะมันเป็นการสร้างความแค้นอันใหญ่หลวงให้กับจระเข้ขนาด 30 ฟุตที่เป็นคู่ของมันอีกตัวหนึ่ง มันเลยตามล่าพวกเขานั่นเอง

ด้าน CG จัดว่า แย่เหมือนเดิม หุ่นเข้าฉากก็ด้วย อีกทั้งเนื้อเรื่องบางส่วนก็ยังเวอร์เกินความจริง อย่างเช่น จระเข้อะไรครับ สามารถทะยานตัวขึ้นงับเฮลิคอปเตอร์จนตกได้






จากซ้ายไปขวา

Dinocroc : ไดโนเสาร์พันธุ์จระเข้ (VCD)

Alligator 2 The Mutation : โคตรไอ้เคี่ยม 2 พันธุ์อำมหิต
ผมคิดว่าหลายคนน่าจะเคยได้ยินหรือได้ดูหนังจระเข้ที่เป็นตำนานเรื่องหนึ่งคือ มันเป็นลูกจระเข้ที่ถูกปล่อยลงไปในท่อแล้วมันก็โดนสารเคมีจนทำให้มันตัวใหญ่ขึ้น และมันก็ทะลุฟุตบาทขึ้นมาบนพื้นถนน และล่าคน ใช่ครับ นั่นคือภาคแรก และภาค 2 นี่ก็เหตุการณ์คล้ายๆกันคือ ผ่านไป 10 ปีจากภาคแรก ในฉากจบของภาคแรก ภาพจะฉายฉากที่มีลูกจระเข้พึ่งฟักออกจากไข่ กำลังกินสารเคมีที่หยดลงมาในท่อระบายน้ำ นั่นแหละครับคือรอยต่อของเหตุการณ์จากภาคแรก เพราะภาคสองนี่ดันมีลูกจระเข้ที่หลุดเข้าไปในท่อแล้วโดนสารเคมีเข้าไปอีก มันเลยโตแล้วขึ้นมาอาละวาดบนพื้นถนนเหมือนรุ่นแม่มันนั่นแหละครับ

หุ่นจระเข้ก็ดูคลาสสิกเช่นเดิม ไม่มีการใช้ CG เพราะจัดเป็นหนังยุคเก่า ปี 1990 ครับ แต่ภาคแรกฉาย ปี 1980 ห่างกัน 10 ปีพอดีเป๊ะ ผมมีแต่แบบที่โหลดมาดูเลยไม่ได้ถ่ายภาพตัวแผ่นไว้





จากซ้ายไปขวา

จระเข้ผีสิง
ภาพยนตร์จระเข้ยักษ์ของคนไทยครับ เนื้อเรื่องผมว่าค่อนข้างบ้าบอคอแตกพอสมควร เพราะมีเหตุการณ์ที่ว่า มีจระเข้ยักษ์หลุดเข้ามาในคลองในจังหวัดแห่งหนึ่งแล้วก็ล่าคนเป้นอาหารตามสเต็ป แล้วมันได้ไปกินสาวชาวบ้านรายนึงที่เป็นนางเอก !? แล้ววิญญาณของนางเอกก็ไปสิงอยู่ในจระเข้
เป็นเหตุให้พระเอกกับเพื่อนต้องพยายามไล่ล่าจระเข้ตัวนี้ และมารู้จากหมอผี ที่ทำหน้าที่ปราบไอ้เข้ควบไปด้วย มาบอกว่า วิญญาณของนางเอก สิงอยู่ในร่างจระเข้ยักษ์นี่ ต้องดึงวิญญาณนางเอกออกมาและจับลงหม้อถ่วงน้ำก่อน (หนังผีหรือหนังจระเข้ยักษ์กันแน่ฟะ เลอะเทอะไปหมด) พอจับวิญยาณนางเอกลงหม้อได้สำเร็จ
ก็เป็นหน้าที่ของพระเอกกับเพื่อนที่จะตามล่าไอ้เข้ยักษ์ตัวนี้แหละครับ เรื่องนี้ก็แสดงโดย บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์ นั่นเอง ซึ่งพี่ท๊อปแกก็มีประสบการณ์ในการเล่นหนังแนวจระเข้ยักษ์มาแล้วก็คือ ไอ้ด่างเกยชัยของปี 2531

จระเข้
ไม่รู้จะตั้งชื่ออะไรแล้ว เลยตั้งว่าจระเข้ขึ้นมาโดดๆเลยซะงั้น แถมหนังนี่ก็เป็นของอีตาสมโพธิเจ้าเก่าแหละครับ ตอนแรกที่ผมได้ดูนี่ก็ตื่นเต้นะครับ ตอนที่ฉายไตเติ้ลและบอกชื่อคนเขียนบทเป็น อ.ชาลี เอี่ยมกระสินธ์ เจ้าพ่อนิยายแนวเดินป่าของเมืองไทย ซึ่งผมชอบอ่านนิยายของ อ.ชาลีแกมากๆ
ก็รู้สึกตื่นเต้นสิครับ แต่พอได้ดูนี่บอกตรงเลยครับ "ห่วย!!" ผมไม่รู้ว่า อ.ชาลีแกโดนอีตาสมโพธิ ไซโคอะไรมารึเปล่า เพราะผมจำได้ว่าเคยอ่านบทความจากในหนังสือ "สวนสัตว์ประหลาด" บอกว่า ช่วงหนึ่งปีก่อนหน้าที่หนังเรื่องนี้จะฉายในเมืองไทย ทางเมืองนอกก็พึ่งฉายหนังเรื่อง Jaws ไปครับ
ทางเราเลยอยากเอามั่ง เลยไปเอาหุ่นจระเข้บังคับวิทยุที่ใช้ตอนถ่ายทำไกรทอง มาทำหนังจระเข้ยักษ์ซะเลย แต่เนื้อเรื่องโดยเฉพาะตอนสุดท้ายที่ไปล่าไอ้เข้ยักษ์กลางทะเลนี่บอกตรงๆเลยว่า "ลอก Jaws มาทั้งดุ้น !!" แถมโปรโมตซะว่าไปเอาดาราเกาหลีชื่อดังมาเล่น ผมว่าเอามาโชว์ก้น โชว์นมตอนต้นเรื่องเท่านั้นแหละครับ เพราะเจ๊แกถูกงาบไปตั้งแต่ต้นๆเรื่องแล้ว
เนื้อเรื่องก็ประมาณว่า มีฟ้าผ่าลงมาที่ต้นมะพร้าวแล้วเป็นเหตุให้น้ำทะเลปั่นป่วน พี่เข้แกเลยตื่นขึ้นมา (ก๊อตซิลล่าป่าวฟะ) แล้วเข้ามาอาละวาดที่อ่าวพัทยา ก่อนจะลุยเข้าไปที่ตลาดน้ำแล้วทำลายจนเรียบ พระเอกกับเพื่อน แค้นจัดที่ลูกเมียโดนมันกินหมด เลยต้องออกล่าครับ

The Brutal River : โคตรเพชฌฆาต
ตำนานจริง ของแท้ครับสำหรับเรื่องนี้ เพราะเอาเหตุการณ์จริงในปี 2507 ที่ทางทหารต้องล่าจระเข้ยักษ์พันธุ์ลูกผสม "ไอ้ด่างบางมุด" ที่อาละวาดอยู่ในคลองบางมุด จังหวัดชุมพร มาทำเป็นภาพยนตร์ ซึ่งผมเองก็ยอมรับนะว่า CG ที่ให้บริษัททางฮ่องกงทำนี่ ห่วยแตกมาก หุ่นจระเข้ก็หน้าตาตลกๆ แต่เนื้อเรื่องผมว่าโอเคเลยทีเดียว แม้ว่าจะโฟกัสไปที่คู่เพื่อนพระเอกกับน้องนางเอกมากกว่าก็ตาม
แต่เพราะหนังและเหตุการณ์จากเรื่องนี้ ทำให้ผมมีแรงบันดาลใจมากยิ่งขึ้นที่จะเขียนนิยายจระเข้ยักษ์สักเรื่องหนึ่งออกมาครับ

Lake Placid 2 : ฝูงโคตรเคี่ยมบึงนรก (VCD)






จากซ้ายไปขวา

ไอ้ด่างเกยไชย โคตรจระเข้
เป็นสารคดีของ GM ที่ไปสัมภาษณ์ลูกหลานที่มีญาติตกเป็นเหยื่อ หรือมีปู่ย่าเล่าเหตุการณ์ให้ฟัง ไอ้ด่างตัวนี้ คนละตัวกับไอ้ด่างที่อาละวาดที่ชุมพรครับ แต่เป็นไอ้ด่างที่เขาร่ำลือกันว่า หัวพาดอยู่อีกฝั่งของแม่น้ำน่าน จังหวัดนครสวรรค์ แต่หางมันพาดยาวอยู่ฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ เป็นตำนานที่ชาวนครสวรรค์เขายืนยันว่าเป็นเรื่องจริงครับ แต่มันก็ร่วมๆ 100 ปีแล้ว

Blue Planet ชุดจระเข้
เป็นสารคดีของ GM เช่นเดิม เพียงแต่ DVD แผ่นนี้ ยำเอา VCD สารคดีที่เกี่ยวกับจระเข้ที่ GM เคยผลิตออกมาในอดีตหลายๆแผ่น หลายๆเรื่องมาโมรวมกันเป็นชุดเดียวกันครับ
คุณภาพของภาพ เทียบเท่าต้นฉบับ VCD หรือ VHS แบบเดิม





จากซ้ายไปขวา

ล่า ... ไอ้เคี่ยมด้วน
ผมไปเจอหนังสือเล่มนี้ในกองหนังสือที่สายใต้ใหม่ ทำเอาผมตื่นเต้นมาก มันเป็นสารคดีกึ่งนิยายที่นำมาจากเรื่องจริงครับ เกี่ยวกับจระเข้ยักษ์ดุร้าย ที่อาละวาดอยู่ทางใต้ของประเทศไทยที่ปากพนัง ผมอ่านแล้วรู้สึกขนลุกเลยครับ ก่อนหน้ารุ่นไอ้ด่างที่ชุมพร ก็ยังมีเรื่องของ "ไอ้แหว่ง" กับ "ไอ้ด้วน" ที่โหดร้ายพอๆกันอยู่
แค่นี้ก็เป็นข้อมูลชั้นดีให้ผมลองศึกษาเพื่อเขียนแล้วครับ

Alligator : เพชฌฆาตบึงมรณะ
เล่มนี้เป็นนวนิยายจระเข้ยักษ์ของแท้เลยแหละครับ ซื้อจากร้านขายหนังสือเก่าออนไลน์ ราคา 200 จากราคาปกจริง 30 บาท แต่จะแพงก็ช่าง ขอแค่ได้มันมาอ่านก็พอแล้ว และก็ไม่ทำให้ผมผิดหวังครับ ได้อารมณ์ดิบๆ เสียวไส้ สยองขวัญครบครันทีเดียว



จริงๆ ยังมีข้อมูลและของสะสมที่เป็นเกี่ยวกับภาพยนตร์ไอ้เข้ยักษ์อีกเยอะ ที่ถ่ายนี่ ส่วนใหญ่คือผมเอามาจากบ้าย มาไว้ที่หอแหละครับ อย่างพวกคอลัมน์ล่าจระเข้ยักษ์ ที่ลงในหนังสือพิมพ์สยามรัฐปี 2542 คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียล ของต่วยตูนที่เขียนเรื่อง ไดโนซุคัส กับ ชาร์โคซุคัสลงหนังสือพิมพ์ไทยรัฐปี 2542 การ์ตูนไกรทองของบูรพัฒน์ 13 เล่ม (เล่มอวสานโดนดอง) กับไกรทองของ คอมมิคเควสต์ (8 เล่มจบ) สารคดีจระเข้อีกนับไม่ถ้วน กองไว้เต็มห้องที่บ้านเลยครับ แต่แค่นี้ ก็เพียงพอให้ผมสามารถเขียนงานที่ผมภาคภูมิใจว่าได้ทำอย่างเต็มที่ ออกมาแล้วล่ะครับ